ประเทศไทยกำลังดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนทั้ง 10 จังหวัดทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ร่าง พรบ. เขตเศรษฐกิจพิเศษ กฎหมายเฉพาะที่เป็นกฎหมายแม่บทกำกับดูแลในเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษยังอยู่ในกระบวนการทางนิติบัญญัติ ซึ่งใช้ระยะเวลานาน เพื่อเข้าใจผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งแง่บวกและแง่ลบจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การศึกษาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวทางของอาเซียน จึงมีความสำคัญยิ่ง1
การติดตามบทบาทการทำงานของสถาบันรัฐที่กํากับดูแลการทํางาน และมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ อาทิเช่น สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) และมาตรการที่อยู่นอกเหนือจาก BOI จึงมีความสำคัญยิ่งเพื่อให้การดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ภาคประชาสังคมมีบทบาทสำคัญดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐที่มีต่อประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเกี่ยวกับการถือครองและจัดการที่ดิน มาตรการจัดการแรงงาน มาตรการด้านสาธารณสุข เป็นต้น
นโยบายการถือครองและจัดการที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อสร้างฐานการผลิตเชื่อมโยงกับอาเซียนและพัฒนาเมืองชายแดน และอาศัยมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว ได้มีคำสั่งอย่างต่อเนื่องเพื่อเอื้อต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างรวดเร็ว2 เช่น
- คำสั่ง คสช. ที่ 72/2557 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) 27 มิถุนายน 2557
- คำสั่ง คสช. ที่ 17/2558 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 15 พฤษภาคม 2558
- คำสั่ง คสช. ที่ 3/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 20 มกราคม 2559
นอกจากคำสั่งข้างต้น ยังมีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีและประกาศจากคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ที่เกี่ยวข้องกับการเพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ อาทิเช่น
- ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรฐกิจพิเศษ พ.ศ. 2558
- ประกาศ กนพ. ที่ 1/2558 เรื่อง กำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
- ประกาศ กนพ. ที่ 2/2558 เรื่อง กำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2
จากนโยบายและคำสั่งการจัดหาที่ดินและการบริหารจัดการที่ดินเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว เป็นการให้เพิกถอนที่ดินจากป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าไม้ถาวร ที่ดินสาธารณะ และกฎหมายการผังเมืองกลายเป็นข้อยกเว้น โดยจัดหาที่ดินให้เป็นที่ราชพัสดุหรือให้แก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อนำมาใช้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ3
ทั้งๆ ที่การใช้กลไกด้านกฏหมายได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ประชาชนในพื้นที่ยังขาดการมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำดังกล่าว จึงไม่นำไปสู่การกำหนดทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ในระยะยาว นอกจากนี้ กระบวนการทำงานในการกำหนดเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษยังไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของประชาชนและไม่ได้ใส่ใจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่4
นโยบายส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
ปัจจุบัน เอกชนขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้แล้ว โดย BOI ได้ออกมาตรการเสริมสร้างแรงจูงใจอย่างต่อเนื่องให้กลุ่มนักลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของไทย จะเห็นได้จากประกาศ กกท.ที่ 4/2557 เรื่องนโยบายส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่จัดสรรสิทธิประโยชน์ให้กิจการเป้าหมายในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (ตารางที่ 1 ด้านล่าง) ซึ่งเป็นไปตามประกาศ กกท.ที่ 1-5/2558 โดยมาตรการเพิ่มเติม คือ ประกาศกิจการเป้าหมายในเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมอีก 10 ประเภท ตามประกาศ กกท. ที่ 17-21/2558 และประกาศ กกท. ที่ 1-4/2559
ตารางที่ 1. กลุ่มกิจการเป้าหมายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
กลุ่มอุตสาหกรรม ตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร สงขลา หนองคาย นครพนม เชียงราย กาญจนบุรี นราธิวาส
1. อุตสาหกรรม การเกษตร ประมง และกิจการที่เกี่ยวข้อง √ √ √ √ √ √ √ √ √ ใช้สิทธิ ประโยชน์ ที่ได้รับ ภายใต้ เขตพัฒนา พิเศษเฉพาะกิจ จังหวัด ชายแดนภาคใต้
2. การผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ √ √ √
3. อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและเครื่องหนัง √ √ √ √ √ √ √
4. การผลิตเครื่องเรือน √ √ √ √ √ √
5. อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ √ √ √ √ √
6. การผลิตเครื่องมือแพทย์ √ √ √ √ √
7. อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักร และชิ้นส่วน √ √ √ √
8. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ √ √ √ √ √
9. การผลิตพลาสติก √ √ √ √ √
10. การผลิตยา √ √ √ √ √
11.กิจการโลจิสติกส์ √ √ √ √ √ √ √ √ √
12. นิคมหรือเขต อุตสาหกรรม √ √ √ √ √ √ √ √ √
13. กิจการสนับสนุนการท่องเที่ยว √ √ √ √ √ √ √ √ √
แต่สำหรับโครงการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI ก็สามารถได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การลดอัตราภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีการผ่อนปรนเงื่อนไขการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การจัดสินเชื่อเพื่อการลงทุน และการเข้าถึงแรงงานต่างด้าวค่าจ้างขั้นต่ำ5
นโยบายด้านแรงงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 เห็นชอบการจัดระบบการจ้างคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และ กัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในลักษณะแบบไป-กลับ หรือตามฤดูกาล ตามมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551
อีกทั้ง ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดท้องที่ สัญชาติ ประเภทหรือลักษณะงาน ช่วงเวลาหรือฤดูกาล หรือเงื่อนไขที่คนต่างด้าวอาจขอรับใบอนุญาตทำงานได้รับความเห็นชอบ และอนุมัติจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (OSS) ด้านแรงงาน ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 10 พื้นที่เรียบร้อยแล้ว6
เนื่องด้วยความต้องการคนต่างด้าวที่เพิ่มมากขึ้น พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย เมื่อต้นปี พ.ศ. 2561ที่ผ่านมา จึงได้มีการประกาศใช้พระราชกำหนด การบริหารจัดการการทํางานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 เพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากจำนวนคนต่างด้าวที่ทำงานในไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ กราฟด้านล่างแสดงจำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานในราชอาณาจักรไทย สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางานมีการคาดการณ์ว่า ความต้องการแรงงานจำแนกตามจังหวัดภายใน 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564) จะมีอัตราที่เพิ่มขึ้น7 ประเด็นหลัก คือ การลดความต้องการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง การแต่งตั้งหน่วยงานที่ช่วยในกระบวนการจ้างงานแรงงานให้แก่นักลงทุน และการปรับปรุงบทลงโทษแรงงานต่างด้าวที่กระทำความผิด
นโยบายด้านสาธารณสุขในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ นำมาซึ่งความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน อุตสาหกรรม และการหลั่งไหลของแรงงานต่างด้าว ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม ความมั่นคง และปัญหาด้านสาธารณสุขเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ผู้ใช้บัตรผ่านแดนเพิ่มขึ้น และคนงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนมี 210,124 คน แต่คาดการณ์ว่าที่เข้ามาทำงานจริงมีถึง 615,031 คน ส่งผลต่อปริมาณผู้รับบริการด้านสาธารณสุขที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้ง มีการคาดการณ์ว่าโรคที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในจังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีทั้งโรคติดต่อ โรคที่เกิดจากการประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรม โรคที่เกิดจากวิถีชีวิตอันเนื่องจากความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม การบาดเจ็บทางถนน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพจิต8 หากเกิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเต็มรูปแบบอาจส่งผลต่อภาระงานของกำลังคนด้านสุขภาพในอนาคต ซึ่งจำเป็นต้องมีการเตรียมแผนการรองรับปัญหาด้านกำลังคนในจังหวัดในส่วนของด่านสาธารณสุขในจังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนั้น พบว่ามีด่านสาธารณสุขทั้งหมด 41 แห่ง จำแนกเป็น 2 ด่านใหญ่ๆ คือ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และด่านอาหารและยา
กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับแขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. 2560-2564 สำหรับเป็นกรอบในการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุขในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อนำไปสู่การมีสุขภาพดีของประชาชนอย่างทั่วถึง9
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
References
- 1. ดร.ปวริศร เลิศธรรมเทวี และคณะ. 2560. การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวทางของอาเซียน. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
- 2. คณะกรรมการนิติศาสตร์สากล. 2559. ประเทศไทย: คณะกรรมาธิการนักกฏหมายนานาชาติเตือนการใช้อำนาจตามอำเภอใจตามมาตรา 44 ที่มีมากขึ้น.
- 3. อ้างแล้ว. หน้า 42-43.
- 4. ศยามล ไกยูรวงศ์. 2558. การผังเมืองกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ. สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย.
- 5. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ไฟล์นำเสนอ: นโยบายเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน. ปรับปรุงเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561.
- 6. สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน. 2560. ความท้าทายเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ. สืบค้นเมื่อ มิถุนายน 2561.
- 7. สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน.สถิติจำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานคงเหลือทั่วราชอาณาจักร ประจำเดือนมกราคม 2561.
- 8. มูลนิธิภิวัฒน์สาธารณสุขไทย. 2559. ปัญหาสาธารณสุขเขตเศรษฐกิจพิเศษ. สืบคืนเดือนกรกฎาคม 2561.
- 9. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (ร่าง)แผนยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. 2560-2564. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข, 2559.